ทำงานใน Thai vs Multi Cultural Environment อย่างไหนดีกว่ากัน

Phattararak Dhuamreongrom
2 min readJan 20, 2022

หลายๆคนเวลาเห็นหัวข้อว่าอย่างไหนดีกว่ากันในบทความต่างๆ ก็แทบจะรู้ตอนจบของบทความแล้ว นั่นก็คือ “แล้วแต่คุณ(มึง)ไปคิดเอาเอง” ซึ่ง… บทความนี้ก็เช่นกัน (ก็อยากเขียนบทความแบบ click bait กับเขาบ้างอ่ะ มีปัญหามะ?) ดังนั้นจะหาความฟันธงจากบทความนี้ก็คงไม่มีเช่นกัน

แต่ว่า… อ่านต่อเถอะ เพราะเรื่องนี้ผมอยากเขียนมานานมากแล้ว และก็อยากจะแชร์เป็นข้อมูลให้กับทุกคน ในฐานะที่ทำงานกับองค์กรมาทั้ง 2 แบบ

ปล. ช่วยกด Follow ให้ผมด้วยนะ จะได้มีกำลังใจเขียนอะไรบ้าบอๆต่อไป

Thai Cultural Environment

ตัวผมทำงานกับบริษัทที่เป็นไทยแท้ 100% มาประมาณ 9 ปี ตั้งแต่จบใหม่ๆ เราคิดว่าทำงานกับคนไทยก็สบายดี ไม่ต้องพูดภาษาอังกฤษ ซึ่งเราก็ Happy ดีในแง่การทำงาน

แต่ไม่รู้ทำไม คนไทยค่อนข้างจุกจิกไปหมด ทั้งจุก และจิก บางคนก็ดูไม่เป็นมิตรเอาซะเลย ทั้งๆที่คนไทยเหมือนกันนะเนี่ย ทำงานแบบจ้องจะกินหัว ฮ่าๆ

ผมทำงานด้วยความเชื่อที่ว่า เราจะต้องไว้ใจซึ่งกันและกัน สามัคคีกันถึงจะทำให้เป้าหมายสำเร็จได้ด้วยดี แต่นั่นไม่เคยเกิดขึ้นเลยในความเป็นไทย ผมเจอตอเยอะมากที่ทำให้งานที่ทำอยู่เกินอุปสรรคมากจากภายในองค์กรเอง ทำให้งานไม่สำเร็จตามแผนที่วางไว้เท่าไหร่

ส่วนนึงอาจจะเป็นเพราะการวางผังองค์กรในลักษณะแบบไทยๆ ที่มีเรื่องความอาวุโสเข้ามาเกี่ยวข้อง ข้ามหน้าข้ามตา ข้ามขั้นข้ามตอนไม่ได้

ถึงจะมีข้อเสีย ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี โดยหลักก็จะเป็นการสื่อสารที่ตรงไปตรงมา ไม่ค่อยมีอะไรซ่อนได้ ถึงแม้ว่าจะซ่อน เราก็สามารถใช้ภาษาของเราเพื่อขุดหาสิ่งที่ซ่อนอยู่ได้ง่าย

นอกจากนี้การมีระบบอาวุโส ทำให้เรามีคนคอยไกด์ หรือมี escalation path ที่ชัดเจนด้วย Organization Chart อยู่แล้ว ถ้าใครได้พี่เลี้ยงหรือหัวหน้างานที่ดีก็ถือว่าโชคดีมากๆเลย

ข้อดีอีกอย่างของ Thai Environment ก็คือ ถ้าสนิทก็สนิทกันง่าย (ถ้าเกลียดก็อาจจะเข้าหน้าไม่ติดก็ได้นะ) คือคุยภาษาเดียวกัน คุยกับเพื่อนร่วมงานกันได้ทุกเรื่อง ซุบซิบนินทาอะไรก็มันปากทีเดียว

Multi Cultural Environment

ผมมีประสบการณ์กับ Environment นี้มาประมาณ 4 ปีแล้ว มันเป็นการเปิดโลกผมไปอย่างสิ้นเชิง ผมค่อนข้างแปลกใจมากเมื่อรู้ว่าต่างชาติ ก็เข้ามาทำงานในต่างแดนกันมากมาย (ทำให้อดนึกไม่ได้ว่า เราเองก็น่าจะลองไปทำงานต่างประเทศดูบ้างนะ)

หลายๆคนอาจจะคิดว่าฝรั่งอ่ะ ยังไงก็พูดขวานผ่าซากตรงไปตรงมา ไม่ค่อยมีมารยาทงามๆแบบไทยหรอก… แต่จากประสบการณ์ตรงกลับไม่เป็นอย่างนั้นเลย เพราะเอาเข้าจริงชาวต่างชาติเวลามาอยู่ในบ้านเมืองอื่น จะค่อนข้างระวังกับคนไทยมาก โดยเฉพาะวิธีการเลือกคำมาใช้กับเรา ผมว่าเขาค่อนข้างศึกษากันมาดีว่าควรพูดอย่างไรกับคนชาติอื่นๆ ตัวเราเองก็ต้องระวังคำพูดเช่นกัน เพราะเราไม่รู้ว่า ชาติไหนเขามีวัฒนธรรมเป็นอย่างไร เราพูดได้ไหมพี่จี้? (อย่าเอาคนทำงานไปรวมกับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีนนะ คนละเรื่องกัน)

สิ่งที่น่าสนใจคือการได้ make friend กับชาวต่างชาติ และรับรู้วัฒนธรรมของเขาจากการคุยเล่นนี่แหละ เราจะมีคำถามมากมายเกี่ยวกับประเทศเขา ส่วนตัวเขาก็อยากรู้เรื่องของเราเหมือนกัน

ในแง่การทำงาน จัดว่าลำบากในทางภาษา โดยส่วนใหญ่ก็จะใช้ภาษากลางเป็นภาษาอังกฤษ ความยากคือ สำเนียง ของแต่ละประเทศ ไม่มีความเหมือนกันเลย … นั่งนึกก่อนผมรู้จักชาติไหนบ้าง…. UK, US, Indonesia, Philippines, Srilanka, India, Myanmar, Norway, Malaysia, Singapore, France

ซึ่งเท่าที่ผมฟังมาก็คือคนฝรั่งเศส ฟังยากที่สุด ฮ่าๆ (ณ ตอนนี้ผมทำงานใน บ. ฝรั่งเศส) แต่ข้อดีของคนฝรั่งเศส คือเคารพเวลางาน และเวลาส่วนตัวมาก ผมไม่เคยได้รับโทรศัพท์หรือ message ใดๆที่เกี่ยวกับเรื่องงานหลังเลิกงานจากคนฝรั่งเศสเลย

ในแง่ของการสื่อสารที่ต้องใช้ภาษาอังกฤษกันทั้ง 2 ฝ่าย บางทีก็อาจจะสื่อความหมายได้ไม่ชัดเจน ไม่ตรงไปตรงมา เพราะต่างคนก็อาจจะไม่ใช่ Native Speaker ทั้งคู่ ดังนั้นอาจจะต้องมีการคุยเพื่อยืนยันความเข้าใจอีกครั้ง

มันมีข้อเสียของคนไทยอย่างเราๆคือ ชอบทำเป็นเข้าใจ ทั้งที่ไม่เข้าใจ (ผมก็เคยเป็น) …แต่ก็อยากจะแนะนำว่า ถ้าไม่เข้าใจก็ควรบอก หรือถามเพิ่มไปเลยครับ อย่าคิดเอาเอง อย่าลืมว่าการสื่อสารมี 2 ฝั่ง ถ้าฝั่งใดฝั่งนึงไม่เข้าใจ นั่นหมายความว่าเป็นความผิดของเราครึ่งนึง และอีกครึ่งนึงเป็นของเขาครับ ดังนั้นเราไม่ได้ผิดคนเดียว อย่าไปกลัว

จริงๆแล้วข้อดีของการทำงานกับชาวต่างชาติคือ ไม่มี boundary เรื่องความอาวุโส เราสามารถเป็นเพื่อนกับเขาได้ตั้งแต่ระดับเพื่อนร่วมงาน จนถึง CEO ด้วยเครื่องมือที่ชื่อว่า Alcohol (แต่เวลาทำงานทุกคนก็จริงจังกับงานที่ได้รับมอบหมายมากๆ)

ว่ากันตามตรงแล้วความ Productivity ของชาวต่างชาติที่ทำงานใน บ.ไทย จะค่อนข้างสูง เนื่องจากเขามีความเสี่ยงในการมาทำงานต่างประเทศ ซึ่งมีทั้งเรื่อง Visa/Work Permit ที่ต้องกังวล ดังนั้นเขาจึงไม่อยากเสียงานที่ทำอยู่แน่นอน

บทความนี้ผมไม่ได้ทำเป็นข้อๆไว้ เพราะไม่อยากให้ผู้อ่านคิดมากว่าอะไรคือข้อดีข้อเสีย ถือว่าเป็นการอ่านเพลินๆ ดังนั้นถ้าเพื่อนๆเคยมีประสบการณ์หรือทำงานอยู่ในองค์กรแบบไหน เอามา Comment เล่าให้ฟังบ้างนะครับ

สำหรับตัวผมนะ…. ตอนนี้ผมชอบฝั่ง Multi-Culture มากกว่าเรียบร้อยแล้ว ถ้าบริษัทไทยแท้ ติดต่อมาขอสัมภาษณ์ ส่วนใหญ่ผมจะปฎิเสธไปทั้งหมด ผมรู้สึกว่าตัวเองกลับไปอยู่ใน Culture ไทยมากๆ ไม่ได้แล้ว … นี่ไม่ได้กระแดะนะ แต่ทุกคนก็มีที่ชอบของตัวเอง ดังนั้นไปที่ชอบที่ชอบซะเถอะ อย่าได้เบียดเบียนซึ่งกันและกันเลย ฮ่าๆๆ

--

--

Phattararak Dhuamreongrom

Project Manager (PMP #2793547), Scrum Master (PSM I #740163), Product Owner (PSPO I #955684)