อย่าสมัครบัตรเครดิต ttb ถ้าคุณไม่อยากปวดหัว (ช้าและล้าหลังกว่าทุกธนาคาร)
หลังจากการควบรวมธนาคารทหารไทยและธนาคารธนชาต ในชื่อใหม่คือ ธนาคารทหารไทยธนชาต เรียกได้ว่าเป็นการปรับภาพลักษณ์ครั้งใหญ่ รวมถึงโลโก้ ttb ที่ดูทันสมัยขึ้นใช้สีที่โดดเด่นมีชีวิตชีวา ประหนึ่งตั้งใจจะเข้าถึงวัยรุ่นมากขึ้น ภายใต้คำโฆษณาที่บอกว่า “เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น…”
ที่มาที่ไปของการสมัครบัตรเครดิต ttb คือ ผมได้มีโอกาสไปรับประทานอาหารแห่งนึง ซึ่งมีแต่บัตร ttb เข้าร่วมโปรโมชั่น ตัวผมเองถือบัตรหลายใบแต่ดันไม่มี ttb สักใบ ใจก็เลยเสียดายโปรของร้าน เราก็เลยตัดสินใจสมัครความรู้สึกแรกที่เข้าไปดูบัตรแต่ละประเภทในหน้าเว็บ … หน้าบัตรไม่สวยเลยสักแบบ แต่ใจก็แบบเออช่างเถอะ นั่งไถๆดูสิทธิประโยชน์ก็เรียกได้ว่า so สมชื่อ แต่คือ so so ที่แปลว่า งั้นๆ
ที่พอจะเข้าท่าและเหมาะกับการที่เราพอจะได้ใช้คือ ttb absolute ที่เมื่อใช้จ่ายสกุลเงินต่างประเทศจะได้เรทพิเศษ รวมถึงไม่เสียค่าธรรมเนียมบัตร ก็ถือว่าไม่เสียหาย มีการเปลี่ยนยอดจ่ายเป็น 0% 3 เดือนได้ก็เรียกว่าน่าสนใจอยู่ ก็เลยตัดสินใจสมัครอันนี้ล่ะ
เริ่มสมัคร
ส่วนตัวเราพอเข้าใจได้กับการที่บางธนาคาร process ยังไม่เป็นออนไลน์ 100% ยังคงเป็นการใช้บริการ messenger มาเก็บเอกสาร ทางผมแจ้งว่า จะมีเอกสารที่เก็บหน้างานจริงแค่สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน ที่เหลือจะเป็นการส่งทาง email ทั้งหมด ซึ่งขั้นตอนนี้ ไม่ได้มีปัญหาอะไร เจ้าหน้าที่ติดต่อมาขอเอกสารตามปกติ โดยเอกสารที่เราส่งไป ตรงตามหน้าเว็บคือ
หลักๆก็คือ
- สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน
- สำเนาทะเบียนบ้าน
- สลิปเงินเดือนเดือนล่าสุด กรณีไม่มีสลิปเงินเดือน ให้ใช้หนังสือรับรองเงินเดือน (จำอันนี้ดีๆนะ เขาใช้คำว่า กรณีไม่มี) โดยเราส่งเป็นสลิปเงินเดือนไป
- สำเนาบัญชีธนาคารย้อนหลัง 1 เดือน (ผมส่งไป 3 เดือนได้)
ตรวจสอบสถานะการสมัครจากเว็บ
คือเว็บก็ bug มาก กรอก otp ถูกต้องแต่ไม่สามารถเข้าระบบได้ ต้องทำอยู่หลายรอบมากๆ บอกเลยว่าธนาคารเสียค่า sms ทิ้งเปล่าๆไม่รู้กี่รอบ
เราพบว่าสถานะแจ้งว่า “เอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน จะมีเจ้าหน้าติดต่อกลับ” เราก็งงแล้วว่าไม่ถูกต้องยังไง แต่เราก็ไม่ได้อะไรนะ รอเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ
ปรากฎว่า 3 วันผ่านไป ไม่มีใครติดต่อกลับมาเลยจ้า นี่ก็เริ่มหงุดหงิดละ เลยโทรไปหา call center อย่างไรก็ตามขอชื่นชม call center ที่สามารถตรวจสอบข้อมูลให้ได้
สรุปว่า ทาง ttb ขอเอกสารหนังสือรับรองเงินเดือนเพิ่ม และขอชื่อรวมถึงอีเมล hr และเบอร์โทร 02 ของบริษัท
คือเราก็เริ่มเอะใจว่า ทำไมต้องขอหนังสือรับรองเงินเดือน ทั้งที่ไม่จำเป็นเลย นอกจากนี้เบอร์ 02 บริษัทเดี๋ยวนี้เขาก็ไม่มีกันแล้วนะ หลายๆที่เริ่มเปลี่ยนเป็นเบอร์มือถือ แต่ด้วยความใจเย็นได้อยู่ เราก็เลยเตรียมเอกสาร 2 วันและจัดส่งให้ทาง email เหมือนเดิม
ต้องบอกว่าเราเดินเรื่องเองหมด ไม่มีเจ้าหน้าที่คนไหนติดต่อกลับเลย เมลก็จัดแจงส่งเองพร้อมแจ้งเขาอีกด้วยนะว่าเราเช็คแล้ว จะเอาเอกสารเพิ่มใช่ไหม นี่ไงฉันส่งมาให้แล้ว
สงครามยังไม่จบอย่าพึ่งนับศพทหาร
ประมาณ 2 – 3 วันถัดมาเราเช็คสถานะอีกครั้ง ปรากฎว่า ขึ้นว่า “เอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน เจ้าหน้าที่จะติดต่อกลับ” อีกแล้ว บอกเลยว่าโมโหขั้นสุดยอด ว่าจะเอาอะไรอีก ให้ไปเยอะมากแล้ว โทรไปหา call center ด้วยตัวเอง ทางนั้นแจ้งว่า ต้องการเอกสาร “นามบัตร HR” ผมฟิวส์ขาดเลย
- ปี 2023 แล้วเขาไม่ทำนามบัตรกันแล้ว คือทำก็เฉพาะตำแหน่งที่ติดต่องานข้างนอกเท่านั้น
- เอกสารที่ให้ไปครบถ้วนมากพอพิจารณาเครดิตแล้ว เอกสารนามบัตรไม่ได้เป็นส่วนนึงที่ระบุในหน้าเว็บเลย
- การขอข้อมูลบุคคลที่สาม ซึ่งไม่เกี่ยวข้องกับการขอเครดิตอะไรเลย เป็นเรื่องที่สมควรทำหรอ? แล้วไม่กลัวโดนเรื่อง PDPA หรือไง จริงๆเป็นธนาคารควรรู้เรื่องนี้ดีกว่าใคร ว่าไม่ควรเก็บข้อมูลเกินกว่าที่จำเป็น
ผมเลยบอกว่าไปว่า “สมัยนี้ไม่มีใครเขามีนามบัตรแล้ว หรือการโทรหา hr ไม่ติดไม่ใช่ความผิดเรานะ เพราะข้อมูลเราถูกต้องครบถ้วน เอางี้ คุณเอาเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องมาคุยกับผมขอภายในวันนี้เท่านั้น ไม่งั้นก็ไม่สมัครแล้ว”
สัก ชม. ผ่านไปก็มีเจ้าหน้าที่โทรกลับมา ยังยืนยันว่าจะขอเอกสารตามเดิม ผมก็แจ้งเหมือนกับที่แจ้ง call center ไป พร้อมกับตอกกลับด้วยว่า “ttb ธนาคารคุณบอกว่า เปลี่ยนเพื่อให้ชีวิตคุณดีขึ้น… แต่ชีวิตผมไม่ดีขึ้นเลย ถ้าการทำงาน process คุณมันไม่ make sense ขนาดนี้”
สรุปทางเจ้าหน้าที่จะรับเรื่องไปแจ้งฝ่ายพิจารณาให้ ส่วนตัวเราก็คือ จะทำอะไรก็ทำเถอะ เราไม่ส่งเอกสารเพิ่มแน่นอน ถ้าจะปฏิเสธก็ปฏิเสธไปเลย เราไม่ถือก็ได้ใบนี้ ไม่อยากได้แล้ว
คิดหรอว่าเรื่องจะจบง่ายๆ …
หลังจากรับเรื่องไปเราเข้าไปเช็คเป็นระยะเราพบว่าหลังจากวันนั้นมีการปรับให้ไม่ขอเอกสารเพิ่มแล้ว แต่ก็ยังอยู่ในขั้นตอนพิจารณา จนกระทั่งล่วงเลยช่วงสงกรานต์ หยุดไป process ก็ไม่ขยับ ซึ่งเราเข้าใจได้นะ ก็วันหยุดใครจะทำงาน แต่เราไม่ได้อยากได้แล้ว แค่อยากรู้ว่าเรื่องจะจบยังไง
ปรากฎว่าหลังสงกรานต์ มี status บอกว่า “เอกสารไม่ถูกต้องหรือไม่ครบถ้วน จะมีเจ้าหน้าที่ติดต่อกลับ” … อีกแล้วจ้า (ขอโทษนะ อีเหี้ย! … โอเคสบายใจละ) แต่ครั้งนี้เราพอละ ไม่มีการโทรตามเรื่องแล้ว ไม่เอาแล้ว จะมาขออะไรเพิ่มยังไงก็ไม่ให้
อีกวันถัดมามีเจ้าหน้าที่โทรมา (ถือว่าเร็วกว่าปกติ แต่เร็วที่ว่าคือ 1 วันนะ) เราก็รับสายด้วยอารมณ์ปลงและใจเย็น เพราะหมดสิ้นความอยากได้แล้ว …ปรากฎว่า ขอเบอร์โต๊ะ hr จ้า …มึงงงงงงง เหมือนเดิม เดี๋ยวนี้เขา remote work กันแล้ว ไม่มีใครมีโต๊ะประจำหรอกยิ่งบริษัท it ด้วยแล้ว
ครั้งนี้เราก็บอกด้วยน้ำเสียงที่ปลง คือ “ไม่มีให้จริงๆ เขาไม่มีเบอร์โต๊ะกันแล้ว และขอแนะนำนะว่าควรเลิก process แบบนี้ได้แล้ว ควรปรับให้เข้ากับยุคสมัย” ทางเจ้าหน้าที่ก็รับคำและกลับบ้านมือเปล่า
บทสรุป
สุดท้ายแล้ว ttb อนุมัติให้ผมนะ แต่ความอยากถือครองมันไม่เหลือแล้วอ่ะ รวมระยะเวลาจากวันที่สมัครจนถึงอนุมัติคือ 20 วัน อ่ะหักลบวันหยุดสงกรานต์ให้ 3 วัน เหลือ 17 วัน นี่ยังไม่นับระยะเวลาจัดส่งบัตรอีกนะ
17 วันกับ process ที่อิหยังวะ! ความปวดหัวแต่ละอย่างที่เจอ แม่งไม่คุ้มเลยนะ ในขณะที่ scb อนุมัติภายใน 1 ชม. และสามารถส่งเอกสารผ่านแอพได้ (สามารถอ่านรายละเอียดได้ในรีวิวที่ผมเคยเขียนไว้)
นอกจากนี้ในช่วงเดียวกันผมมีการขอสินเชื่อรถยนต์กับทางธนาคารกรุงศรี และใช้เวลาแค่ 2 วันเท่านั้น เก็บเอกสารวันนี้พรุ่งนี้รู้ผล (ทั้งที่เป็นวันเสาร์) … คุณก็คิดเอาเองละกันว่าจะเอาอะไรไปสู้เขาได้
ttb คุณลองคิดดูว่าต้นทุนคุณบานขนาดไหน ค่า messenger, ค่า sms otp ที่บั๊กๆ, ค่าเสียเวลาของ call center, ค่าเสียเวลาทีมบัตรเครดิตและทีมพิจารณาสินเชื่อ 17 วัน แต่คุณออกบัตรให้ลูกค้าได้ 1 ราย และเป็น 1 รายที่ไม่ประทับใจ แล้ว
นี่ก็ไม่รู้จะทำใจใช้บัตรคุณได้ไหม ถ้าผมไม่ใช้ ผมถือฟรีๆ ธนาคารเสียต้นทุนค่าออกบัตรเปล่าๆ ค่าส่งบัตรทางไปรษณีย์ มีแต่เรื่องเสียกับเสีย
ผมเองสมัยหนุ่มๆมีโอกาสได้ทำ project ให้กับทั้ง TMB และ ธนชาต เหมือนกัน ภาพลักษณ์ตอนนั้นมันดูโอเคมากเลย และผมเชื่อว่าอาจจะมีบริการอื่นของธนาคารนี้ที่ดีๆ แต่การเจอเรื่องแบบนี้กับตัวเอง ผมคงไม่คิดอยากใช้ผลิตภัณฑ์ทางการเงินของแบงค์นี้อีกเลย และจะไม่แนะนำแบงค์นี้ให้ใครใช้บริการอีกด้วย … ลาก่อน ttb
