ว่ากันด้วยเรื่องของ Switch Keyboard
หลายๆคนที่ทำงานสาย IT ในช่วยที่ผ่านมา ก็เรียกได้ว่าน่าจะฟินกับการ Work From Home จนกลายเป็นเสพติดการทำงานที่บ้านไปซะแล้ว
ส่วนนึงก็น่าจะเป็นเพราะว่า เมื่อมีการทำงานที่บ้าน เราก็อยากจะจัดสภาพแวดล้อมให้น่าทำงาน ดังนั้นหลายคนก็เริ่มซื้ออุปกรณ์จัดโต๊ะคอมกันยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะทำงาน เก้าอี้เพื่อสุขภาพ จอมอนิเตอร์ และลามไปถึงเมาส์ และคีย์บอร์ดด้วย ผมเองก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าผมก็เป็นหนึ่งในนั้นเช่นกัน
แต่บทความนี้ผมจะโฟกัสไปที่ Switch ของ Mechanical Keyboard กัน
จะว่าไปแล้วกระแส Mechanical Keyboard ผมเข้าใจว่าเริ่มมาจากฝั่ง Gaming ที่เขาเริ่มทำ Keyboard ที่ใช้กลไก ต่างๆ โดยเฉพาะแบบ Blue Switch ที่เรียกได้ว่าเป็นตัวชูโรงเลยก็ได้ เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้ก็จะมี Streamer ต่างๆที่นำคีย์บอร์ดประเภทนี้มาใช้ ทำให้เกิดเสียงดังลั่นแบบสุดๆไปเลย เวลาถ่ายทอด ผู้ชมก็เหมือนจะได้ยินเสียง Clicky ติดมาด้วย ทำให้เด็กๆหรือวัยรุ่นอยากลองเล่นเกมด้วยเสียงแบบนั้นและเพิ่มอรรถรสมากขึ้น (ทั้งที่จริงแล้วการตอบสนองในการเล่นเกม Blue Switch ถือว่าตอบสนองช้าเพราะเป็นแบบ 2 จังหวะ
ผมคงไม่ได้อธิบายว่า Mechanical Keyboard นั้นลักษณะหรือส่วนประกอบเป็นอย่างไรนะครับ แต่จะบอกแค่ว่ามันจะมีส่วนประกอบนึงที่เรียกว่า Switch นี่แหละ โดย Switch จะมีอยู่ 2 แบบใหญ่ คือ
- Tactile Switch = เวลากดจะรู้สึกว่าต้องกดเป็น 2 จังหวะ ใช้น้ำหนักกดเพิ่มเข้าไปเพื่อให้กลไกสวิชต์ทำงาน เสียงจะค่อนข้างดัง ตัวอย่างเช่น Blue Switch, Brown Switch
- Linear Switch = เวลากดจะเป็นจังหวะเดียว คือกดแล้วติดเลย แต่ก็ขึ้นอยู่กับผู้ผลิต Switch ว่าอยากออกแบบให้มีแรงต้านกลับมากน้อยแค่ไหนหรือเปล่า เช่น Red Switch
ถ้าโดยพื้นฐานที่แบรนด์ Switch ทั่วไปผลิตออกมาเหมือนกันก็จะมี Blue, Brown, Red นั่นแหละครับยืนพื้น แต่ก็จะมี Switch สีอื่นๆอีกมากมาย ขึ้นอยู่กับแบรนด์นั้นๆว่าสีของเขาจะเป็น Tactile หรือ Linear และมีแรงกดแรงต้านเท่าไหร่
ในบทความนี้ผมจะเขียนถึง 3 switch พื้นฐานเป็นหลัก ที่เน้นในการใช้งานส่วนตัว ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหรือเล่นเกม
Blue Switch
ตัวผมเองเริ่มใช้ Blue Switch เป็นอันแรก โดยใช้ใน Gaming Keyboard ของ Nubwo X28 ซึ่งราคาย่อมเยาว์ ใช้ Otemu Blue Switch
ด้วยความที่ผมรู้สึกว่าที่ Office ผมทำงานกันเงียบจังเลย เราอยากจะสร้างสีสันในการทำงานรวมถึง สร้างความรำคาญให้กับคนอื่นด้วย ฮ่าๆๆ เลยซื้อมาลอง
โอ้โห มันดังจริง ลั่นจ๊อกแจ๊ก จนบางที่ถ้าทำงานเอกสารต้องหาเวลาคนน้อยๆ ค่อยทำ ฮ่าๆๆ เรียกได้ว่า เด่นมากเลย เรื่องการเอามาใช้ทำงานไม่ได้มีปัญหาอะไร ใช้แรงกดที่เพิ่มขึ้นแต่ความรู้สึกมัน เหมือนเรากลับไปใช้เครื่องพิมพ์ดีดสมัยโบราณ
Brown Switch
เป็นอีก Switch tactile ที่ผมซื้อมาช่วย Work From Home ใน Keyboard Royal Kludge RK68 plus ส่วนตัวแล้วผมไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ คือมันเป็น Tactile ที่เสียงเบาลงไปอีก ยังให้ความรู้สึกดี แต่ไม่รู้สึกว่าโดนเด่นอะไรสักทาง เสียงที่ออกมาก็ดูไม่มีความสนุก หรือถ้าจะเน้นความเร็วก็ไม่ได้อีก
Red Switch
ตอนนี้ผมใช้ Red Switch มากที่สุด โดย Keyboard ที่ซื้อมาอีกตัวคือ Keychron K6 ผมค่อนข้างชอบ Switch ตัวนี้นะ เนื่องจากกดปุ๊บมาปั๊บ ถึงแม้ว่าตัว Switch เองไม่ได้มีเสียง Clicky มาจากตัว Switch แต่ Red Switch ก็ไม่ถือว่าเป็น Switch ที่ให้ความเงียบนัก
ด้วยความที่ว่าตัว Switch กดลงเร็ว มันจึงไปกระแทกกับบอร์ด ด้านล่างได้เร็วและเกิดความเสียงดังเวลาพิมพ์เช่นกัน แต่เสียงที่ได้จะออกแนวก้องๆมากกว่า กริ๊กๆแบบ Blue
ข้อเสียมีเหมือนกัน คือขณะที่ผมเขียนบทความนี้อยู่ผมใช้ Red Switch ซึ่งพิมพ์ผิดบ่อยมาก เพราะเวลามือไปโดนมันลั่นเร็วมาก
จริงๆแล้วผมมีอีก Switch นึงที่อยากจะแนะนำสายทำงาน และเสียงไม่ดัง … คือด้วยความที่ว่าผมไม่ชอบ Brown Switch ก่อนที่ผมจะไป Red ผมได้ซื้อ Gateron Yellow Switch มาใส่แทนใน Royal Kludge พร้อมกับทำงาน Mod Keyboard อีกด้วย ทั้ง Lubed Switch และใส่ PE Foam เข้าไปในตัวเคส
Gateron Yellow Switch
เป็น Linear Switch ที่เหมาะกับคนชอบ Linear และต้องการความนุ่มนวล และไม่ลั่นเวลามือไปโดนปุ่มอื่น
เนื่องจากตัว Switch ถูกออกแบบให้มีแรงต้านที่มากกว่า Red Switch ปุ่มจึงมีความเด้งกลับรับมือ และเวลากดก็จะใช้แรงมากกว่า Red อยู่ระดับนึง เป็นอีกตัวที่ผมก็บอกได้ว่าพอจะชอบมันอยู่
เรื่องพิมพ์งานดีนี่ผมยกให้ที่ 1 เลย แต่เล่นเกมผมว่ามันยังไงไม่รู้ จะเร็วก็ไม่เร็ว จะสนุกก็ไม่สนุกกับการใช้แรงกดเท่า Blue
สรุป
Blue Switch = เหมาะกับคนที่ต้องการกดคีย์บอร์ดมันๆ ไม่ได้แคร์ว่าคนอื่นจะหนวกหู หรือตัวเองหนวกหู
Brown Switch = เหมาะกับคนที่คิดว่า Blue หนวกหูไป แต่ยังอยากได้ฟีลลิ่งการกดแป้นที่ต้องใช้แรงมากหน่อย รักความเป็น Tactile มากกว่า Linear
Red Switch = ถ้าเล่นเกม อันนี้คือยืนหนึ่งเรื่องความรวดเร็ว ถ้ามือเราไม่ไปกดผิดน่ะนะ ตอบสนองไวมาก พิมพ์งานก็อยู่ในระดับที่ดีไว แต่ก็ลั่นบ่อยถ้ามือไปโดนปุ่มอื่น
Yellow Switch (Gateron) = เหมาะกับสายทำงานมากที่สุดแล้ว พิมพ์ได้ไว แต่ก็ไม่ลั่นง่ายเกินไป มีแรงต้านให้ต้องใช้แรงกดนิดหน่อยรวมถึงหลังกดก็มีการคืนตัว แต่เสียงที่ได้ไม่โดดเด่น
หลักๆตอนนี้ที่ผมใช้จะมี Red กับ Yellow ครับ ใช้เล่นเกม และทำงาน แยกกันชัดเจน เพราะมันไม่หาความครอบจักรวาลไม่ได้จริงๆ